4/6/54

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล


แหล่งท่องเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดแห่งแรกที่จะแนะนำคือ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตอนที่ผมเป็นเด็กประมาณ 5 ขวบเจดีย์นี้ยังไม่ได้ก่อสร้าง มีแต่วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม (คนในพื้นที่เขาจะเรียกกันติดปากว่า วัดผาน้ำย้อย เท่าทุกวันนี้) แต่ก่อนที่ยังไม่ได้สร้างพระเจดีย์ ช่วงสงกรานต์ผู้คนจะไปเที่ยวผาน้ำย้อยกันจำนวนมาก แต่ก่อนนี้ทางเข้าวัดจะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนมัธยมผาน้ำทิพย์ (สมัยนั้นโรงเรียนยังไม่ได้ก่อสร้างยังเป็นป่าอยู่เลย) ถนนเข้าวัดเป็นถนนลูกรัง ระยะทางน่าจะประมาณ 1 กิโลได้

 ช่วงที่ผมเป็นเด็กจำได้ว่าก่อนที่จะถึงบริเวณวัดจะเป็นที่จอดรถยนต์และรถมอเตอร์ไซส์ ถัดจากนั้นก็จะเป็นร้านค้าทั้งสองข้างทางยาวเข้าไปจนถึงสระน้ำทั้งสองสระมีทั้งด้านซ้ายและขวา เลยสระน้ำขึ้นไปจะเป็นศาลาต่างๆของวัด คนจำนวนมากที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินขึ้นเขา (บางช่วงจะมีบันไดแต่บางช่วงก็ได้ปีนเขาเหนื่อยเอาการทีเดียว 555 ) ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ หนุ่มๆสาวๆ รวมทั้งเด็กๆด้วย จะพากันเดินหรือปีนขึ้นเขาไปทำไมหล่ะ (อยากรู้แล้วใช่ไหม อิอิอิ ความลับ เว็บไซต์อื่นยังไม่มีใครพูดถึงจุดนี้ อ่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวรู้ครับ) ที่เดินหรือวิ่งหรือจะปีนขึ้นเขาก็แล้วแต่ ขึ้นไปจนสุดท้ายก็จะถึงบริเวณลานหินกว้างแหงนมองขึ้นไปจะเป็นหน้าผาที่มีน้ำย้อยไหลย้อยลงมาตลอดปี (ตรงนี้แหละที่เรียกว่าผาน้ำย้อย) ทางวัดจะทำที่รองน้ำย้อยเอาไว้ และข้างๆจะมีอ่างน้ำมนต์ที่ได้ทำการปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่ขึ้นไปก็จะไปรับเอาน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์กันนี้แหละครับ และที่สำคัญที่สุด ความลับที่ผมกำลังจะเปิดเผยคือ ที่ตรงบริเวณลานกว้างของผาน้ำย้อยนี้ จะมีองค์พระพุทธรูปสลักด้วยหินธรรมชาติองค์ไม่ใหญ่มาก หนักประมาณครึ่งกิโลได้ พระองค์นี้พิเศษตรงไหนหรือ ผมจะบอกท่านว่า เป็นพระที่ศักดิ์สิทธ์มาก
บางคนอาจจะสงสัยว่าศักดิ์สิทธ์อย่างไร (มาถึงบรรทัดนี้พักสายตาก่อนครับ555) ความศักดิ์สิทธ์ของพระองค์นี้คือใครจะอธิฐานอะไรก็จะแสดงให้เห็นเลย หมายถึง สมมุติว่าผมจะอธิฐานในใจว่าผมจะสอบปลัดได้ไหมปีนี้ถ้าผมสอบได้ขอให้ผมยกพระองค์นี้ให้เบาเหมือนสำลี ปรากฏว่าผมยกขึ้นสุดหัวเลยจะรู้สึกเบาหวิวเหมือนสำลีเลย แต่ถ้าไม่ได้จะแสดงอิทธิฤทธิ์ยกไม่ขึ้นหนักอึ้งเหมือนพระพุทธรูปติดอยู่กับพื้น ขนาดเด็กๆอธิฐานเสร็จยังยกท่วมหัวเลย แปลกมากและศักดิ์สิทธ์มาก ถ้าใครได้ไปเที่ยวพระเจดีย์ชัยมงคลก็อย่าลืมลองไปอธิฐานดูนะครับ ตรงผาน้ำย้อยนี้ถ้าเราเดินขึ้นไปอีกก็จะทะลุกำแพงเป็นบริเวณพระเจดีย์พอดีเลยครับ เอาหล่ะมาเข้าเรื่องพระเจดีย์กันซักที

สถานที่ตั้ง
        
 วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม (ผาน้ำย้อย) ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกกลาง ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด (ห่างจาก อ.หนองพอก 13 กม.ถนนสายหนองพอก --.. เลิงนกทา)... มูลเหตุในการก่อตั้งวัด เมื่อปี พ.ศ. 2493-2494 ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้ธุดงค์มาเจริญสมถกัมมัฎฐานเพื่อแสวงหาความสงบ ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2493-2500 ท่านพระอาจารย์ได้พา พระภิกษุ ศิษย์ มาปฏิบัติธรรมซึ่งสถานที่ แห่งนี้ แต่ก่อนเป็นป่าดงดิบสภาพป่าสวยงามตามธรรมชาติมีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ สาเหตุที่ได้ชื่อว่าผาน้ำย้อยเพราะภูเขาลูกนี้มีสภาพเป็นหน้าผาสูงชันมีน้ำตกไหลหยดย้อยตลอดเวลาทั้งปีคล้ายกับ น้ำตกจากชายคาเมื่อชาวบ้านเจ็บป่วยก็จะได้น้ำ ณ จุดนี้ไปดื่มกินเพื่อรักษาโรคตามความเชื่อจึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ได้ชื่อโดยสมบูรณ์ว่าวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนารามครั้นต่อ มาสภาพป่าถูกทำลายเนื่องจากประชาชนได้ลักลอบตัดไม้บางกลุ่มก็เข้าไปทำไม้แปร รูปขายบางกลุ่มก็เข้าไปทำลายเพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ปฏิบัติเพื่ออุดมการณ์จึง เป็นสาเหตุให้ ทางราชการได้พยายามปราบปราม หาวิธีด้วยวิธีต่างๆต่อมาได้พิจารณาเห็นความ สำคัญของพุทธศาสนาว่าพระพุทธศาสนาเป็นที่รวมจิตใจของประชาชนได้เพราะพระพุทธ ศาสนาได้สอนให้คนเป็นคนดีมีความรักหมู่รักคณะเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันจะนำความสงบมั่นคงให้ ประเทศแก่ชาติจบ้านเมืองได้ดังนั้นในปี พ.ศ. 2517 น.อ. ประสิทธิ์ ทองใบใหญ่รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดในสมัย​​นั้นจึงได้กราบ นิมนต์ท่าน พระอาจารย์ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ต. ศรีสมเด็จ อ. ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ดเพื่อให้ท่านพิจารณาตั้งวัดเป็นการถาวรขึ้นเพื่อจะได้ใช้สถานแห่ง นี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมและอบรมสั่งสอนศีลธรรมให้กับประชาชนตามหลักของพระพุทธ ศาสนาซึ่งปฏิบัติตามแนวของท่าน พระอาจารย์ศรี มหาวีโร ท่านได้ปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงควัตรและการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอันเป็นเหตุผลให้ความตรึงเครียด ทางด้านการเมืองการก่อการร้ายลดลงและได้้หมดไปในที่สุด ดังที่ได้เห็นในขณะนี้และในปีนี้นั้นเองท่านได้ส่งพระจำนวน 5 รูปมาจำพรรษาซึ่งมี หลวงปู่บุญศรี ญาณธมฺโม รวมอยู่ด้วย เนื้อที่ของวัดมีประมาณ 28,000 ไร่และยังได้ปลูกต้นไม้เสริมขึ้นอีก 300,000 ต้น

เสนาสนะ
และสิ่งสำคัญ

ปีเริ่มพัฒนา พ.ศ. 2517-2546

    
1. สร้างอ่างเหมืองฝายเก็บกักน้ำขนาดใหญ่จำนวน 3 แห่งข้างล่าง 2 แห่งและบนเขาอีก 1 แห่ง
   
2. สร้างศาลาการเปรียญขนาดใหญ่กว้าง 40 เมตรยาว 80 เมตร
   
3. สร้างศาลาหอฉันท์ 2 ชั้น 25 เมตรยาว 40 กว้างเมตรจุพระเณรได้ประมาณ 1,000 รูป
   
4. สร้างสำนักงานเลขาพระ 2 ชั้นคอนกรีตเสริมเหล็ก 5 เมตรยาว 20 กว้างเมตร
   
5. สร้างตำหนักสมเด็จพระสังฆราช กว้าง 20 เมตรยาว 20 เมตร
   
6. สร้างตึกรับรองพระเถระคอนกรีตชั้นกว้าง 8 เมตรยาว 25 เมตรจำนวน 2 หลัง 2
   
7. สร้างโรงครัวกว้าง 15 เมตรยาว 25 เมตรจำนวน 1 หลัง
   
8. สร้างที่พักสำนักแม่ชีจำนวน 1 หลัง
   
9. สร้าง กุฏิกัมมัฎฐานข้างล่างและข้างบนเขาจำนวน 700 หลัง
   
10. สร้างห้องน้ำ --. ห้องส้วม 19 แห่งไว้มีห้องส้วมจำนวน 200 หัอง
   
11.สร้างถังเก็บน้ำฝนขนาดใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-10 เมตรจำนวน 6 ถัง
   
12. สร้างถนนขึ้นหลังเขาผาน้ำย้อย (ลาดยาง) ความยาวประมาณ 10 กม
   
13. สร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลขนาดใหญ่บนเขาผาน้ำย้อยขนาด ความกว้าง -- ความยาว 101 เมตรความสูงจากพื้นถึงยอดเจดีย์ 109 เมตรและมีพระเจดีย์องค์เล็กรองลงมา 8 องค์รายทั้ง 8 ทิศล้อม
   
14. สร้างวิหารคตเรียงรายรอบองค์ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
   
15. สร้างกำแพงเอนกประสงค์ล้อมรอบพระมหาเจดีย์ฯ ภายในกำแพงมีห้องน้ำ -- ห้องส้วม 1,000 ห้องพร้อมที่พักรอบพระมหาเจดีย์ยาว 3,500 เมตรสูงเมตรหนา 4 เมตร 5 โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก
   
16. สร้างตำหนักสมเด็จพระสังฆราช บนเขาผาน้ำย้อย 1 ตำหนัก
   
17. สร้างตึกรับรองหลวงปู่บนหลังเขา 1 หลัง
   
18. สร้างกำแพงด้วยคอนกรีตเสริม เหล็กสูง 3 เมตรยาวรอบวัดประมาณ 120 กม คลุม พื้นที่วัด 28,000 ไร่ยังสมบูรณ์ไม่เสร็จ


 วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม  เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นวัดที่ประดิษฐาน พระมหาเจดีย์ชัยมงคล อันเป็นพระมหาเจดีย์ใหญ่และมีความงดงามตระการตามากที่สุดองค์หนึ่งของประเทศ ไทย ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาและความภาคภูมิใจของชาวร้อยเอ็ดและชาวอีสานทั้งมวล พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเป็นพระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นที่ เคารพสักการะ และยังถือเป็นศาสนสถานสำคัญที่สะท้อนถึงพลังแห่งศรัทธาที่แรงกล้าของประชาชน ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ร่วมกันประกาศความรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป

พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนั้นได้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2528 มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ โดยมี พระเทพวิสุทธิมงคล หรือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมในด้านการบำเพ็ญปฏิบัติ สมถวิปัสสนากรรมฐานแก่พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน โดยการปฏิบัติจริงบนสถานที่จริงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ภายในบริเวณมี พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นพระเจดีย์ที่ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร โดยใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานอันเป็นการผสมผสานกัน ระหว่างศิลปะแห่งพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม พระเจดีย์เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ มีความกว้าง 101 เมตร ความยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ อันมาจากชื่อของจังหวัดร้อยเอ็ด ยอดทองคำใช้ทองคำหนักถึง 60 กิโลกรัม

ภายในพระมหาเจดีย์มีทั้งหมด 6 ชั้น คือ


ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่โออ่า ใช้เป็นห้องเอนกประสงค์ และประชุมบำเพ็ญบุญ

ชั้นที่ 2 เป็นศาลาประชุมสงฆ์ ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ

ชั้นที่ 3 เป็นชั้นอุโบสถ และประดิษฐานรูปพระคณาจารย์ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูป เหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์

ชั้นที่ 4 เป็นชั้นชมวิว ชมทัศนียภาพรอบภูเขาเขียว

ชั้นที่ 5 เป็นชั้นพิพิธภัณฑ์

ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสูงสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


ความเชื่อและวิธีการบูชา พระมหาเจดีย์ชัยมงคลจะยังเป็นสถานที่ในการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์วิปัสสนากรรมฐานของหลวงปู่ศรี และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์ในอดีตทั้ง 101 องค์ รวมทั้งพระสารีริกธาตุ ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด ให้ประชาชนทุกสารทิศได้มาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลในคราวเดียวกัน

เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.

การเดินทาง ไปตามเส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก ระยะทาง 62 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136 (ถึงอำเภอหนองพอกแล้วแวะพักผ่อนทานข้าวที่บ้านผมก็ได้ บ้านผมหาไม่ยากติดกับเซเว่นเลยครับ ..555..) ช่วงท้ายบทความมาดูภาพสวยๆพระมหาเจดีย์ชัยมงคลกันครับ ดูภาพขยายคลิกตรงกลางภาพ












บทความต่อไปจะแนะนำที่เที่ยวใกล้ๆกันกับพระมหาเจดีย์คือ น้ำตกถ้ำโสดาครับ 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น